แม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต ผู้ก่อตั้งเสถียรธรรมสถาน  ได้แถลงข่าวชี้แจงกรณีป่วยเป็นมะเร็ง ที่เสถียรธรรมสถาน ว่า ได้ป่วยเป็นมะเร็งมาแล้ว 8 เดือนแล้ว โดยเมื่อต้นเดือนเมษายน มีอาการเจ็บที่ลิ้นปี่ และร่างกายเริ่มซีดลง และมีอาการเจ็บที่รุนแรงขึ้นจึงได้เข้าพบแพทย์ที่โรงพยาบาลศิริราช เมื่อช่วงปลายเดือนเมษายน โดยแพทย์ใช้วิธีการส่องกล้องและทำทีซีสแกนจึงพบก้อนเนื้อขนาด 10 ซม. 2 ก้อนในกระเพาะ ประกอบกับมีแผลและเลือดออกในกระเพาะ ก้อนเนื้อมะเร็ง อยู่ในระยะที่เริ่มแพร่กระจายเบียดถุงน้ำดี

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาน้ำหนักลดลงไป 14 กิโลกรัม และไม่เคยปฎิเสธการรักษาทางการเเพทย์ แต่ไม่สามารถผ่าตัดได้ตามแพทย์บอก ยืนยันที่ผ่านมารับการรักษาจากแพทย์ตามอย่างเคร่งครัด

ประกอบกับรักษาด้วยวิธีทางธรรมชาติบำบัด 3 แบบ คือ

1. ด้วยวิธีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน

2. การฝึกจิตสมาธิ และ

3. การแบ่งเวลาให้ตัวเองมากขึ้น เช่นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการนอนให้ไวขึ้นควบคู่ไปด้วย 

แม่ชีศันสนีย์ กล่าวอีกว่า เมื่อช่วงเดือนมิถุนายนได้ไปพบแพทย์ ตามนัด จากการตรวจพบว่าก้อนเนื้อในช่องท้องเล็กลดจาก 10 ซม. เหลือเพียง 3 ซม. โดยในระยะเวลาไม่ถึง 5 เดือน ก้อนเนื้อในช่องท้องได้มีจนาดลดลงเหลือเพียง 1 ซม. เนื่องจากที่ผ่านมาร่างกายตอบสนองการรักษาทางการแพทย์ และตอบสนองต่อการรักษาธรรมชาติบำบัดเป็นอย่างดี ขณะที่เมื่อวานนี้ได้ไปพบแพทย์ เพื่อฟังผลตรวจพบว่าตอนนี้ไม่เจอการกระจายของมะเร็งแล้ว

แม่ชีศันสนีย์ บอกว่า โรคมะเร็งไม่ใช่เรื่องของเวรกรรม แต่เป็นเพราะพฤติกรรมการกินและการพักผ่อน อย่างไรก็ตามเชื่อว่าสาเหตุที่ทำให้อาการดีขึ้นเป็นเพราะ

ยึดหลักปฏิบัติ 3 อย่าง คือ

1.เป็นคนไข้ที่ดีของแพทย์ในฐานะผู้ป่วย

2. ปรับเปลี่ยนการกินอยู่ การให้โอกาสกับตัวเอง ดูแลเรื่องอาหารการกิน แม่เห็นว่าโรคที่แม่เป็นมาจากสาเหตุใด เช่น ทานอาหารมื้อเดียว แม่ก็จะปฏิบัติตัวใหม่ และแม่ก็ใช้ธรรมชาติบำบัด ในเดือนแรกน้ำหนักลดเป็น 10 กิโลกรัม ทานผลไม้อยู่ 1 เดือน ซึ่งช่วยสร้างเซลล์ใหม่ให้กับร่างกาย และ

3. ภาวนาพิจารณาการป่วยของตัวเองช่วง 2 ทุ่ม ก็พิจารณา เยียวยาภาวนาจน 4 ทุ่ม จากนั้น เพื่อให้หลับลึกๆ ช่วงตี 1-2

“เราอย่ากลัวมะเร็งการกลัวมะเร็งเหมือนตายทั้งเป็น แต่มะเร็งคือการพิจารณาร่างกายตัวเอง ซึ่งก้อนเนื้อของแม่ผ่าตัดไม่ได้เพราะก้อนใหญ่ ยาที่หมอทดลองใช้กับผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวและนำมาใช้กับแม่ถือว่าได้ผลเป็นอย่างดี ที่สำคัญต้องรักษาจิตให้เป็นปกติใช้ธรรมบำบัดและใช้จิตภาวนาด้วย”

ขอบคุณข้อมูล :

http://www.tnews.co.th/index.php/contents/384268

http://news.thaipbs.or.th/content/268114