เทคโนโลยีสุขภาพอาจทำให้เราเป็น superhuman ในปี 2050

เมื่อ 30 ปีก่อน อุปกรณ์หุ่นยนต์ที่มองไม่เห็นจะเพิ่มทักษะและความรู้สึกให้มนุษย์เฉพาะในภาพยนตร์แนววิทยาศาสตร์ ลัทธินิยมอนาคต (Futurists) กล่าวว่า ถ้านาโนเทคโนโลยียังคงพัฒนาและขยายตัวในอัตราปัจจุบัน เป็นไปได้ที่จะเปลี่ยนคนให้เป็นคนเหนือมนุษย์ (Superhuman) ภายในปี ค.ศ. 2050 ด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยนี้ คนอาจจะมีความสามารถในการมองเห็นในที่มืดและสามารถอยู่รอดหลายชั่วโมง โดยไม่ต้องหายใจหรือได้รับพลังวิเศษ

ในขั้นต้น นาโนเทคโนโลยีทางการแพทย์จะช่วยให้ผู้ป่วยและคนพิการสามารถปรับปรุงคุณภาพชีวิต ความสำเร็จที่น่าภาคภูมิใจ เช่น ช่วยเรื่องการมองเห็นหรือเพิ่มความรู้สึกการสัมผัส นับเป็นความสำเร็จของการปฏิวัติทางการแพทย์ ตอนนี้ นักชีววิทยาและวิศวกรได้พัฒนาเครื่องมือทางการแพทย์ให้คนที่มีปัญหาสุขภาพสามารถมีประสบการณ์พิเศษ ที่จะก้าวข้ามธรรมชาติของมนุษย์ในกระบวนการที่เรียกว่า "การก้าวข้ามขีดจำกัดของมนุษย์" (transhumanism)

Dr. Ian Pearson หนึ่งในสมาชิกชั้นนำของลัทธินิยมอนาคต (Futurists) คาดการณ์ว่าในอนาคตเทคโนโลยีเซ็นเซอร์จะถูกรวมเข้าไปในร่างกายมนุษย์ ซึ่งจะเพิ่มการรับรู้ของโลกที่อยู่รอบตัวและทำให้เห็นข้อมูลต่างๆ ที่ปัจจุบันมองไม่เห็นได้ด้วยตาเปล่า ยกตัวอย่างเช่น คนอาจจะสามารถเห็นวัตถุที่อยุ่ระยะไกล (zoom in) หรือมีการติดตั้งเซ็นเซอร์ที่มีความสามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับทุกสิ่งที่สัมผัส มีการทดลองมากมายที่คืบหน้าและเพิ่มขีดความสามารถของไบโอเซนเซอร์ที่สามารถฝังในร่างกายมนุษย์อย่างปลอดภัย

Dr. Garth Webb ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในบริติชโคลัมเบียกำลังค้นคว้าเกี่ยวกับเลนส์ไบโอนิค (bionic lenses) ที่สามารถใส่เข้าไปในตาของมนุษย์ในเวลาเพียงแปดนาทีที่เพิ่มศักยภาพแก่ผู้ใช้ด้วยการมองเห็นที่สมบูรณ์ มีการตั้งชื่อว่า Ocumetics Bionic Lens อุปกรณ์ช่วยการมองโดยไม่ต้องใส่แว่นตาหรือคอนแทคเลนส์ หากประสบความสำเร็จ คนที่ใช้เลนส์ไบโอนิคจะมีการมองเห็นดีกว่าคนไม่ใส่สามเท่า นอกจากนี้ ปัญหาการมองเห็นที่เสื่อมลง เช่น ภาวะต้อกระจกจะไม่ร้ายแรง ยกตัวอย่างเช่น ปัจจุบันนี้ Ocumetics Bionic Lens อยู่ระหว่างการทดสอบทางคลินิกเพื่อการรับรองผล ผู้เชี่ยวชาญบางคนเตือนว่า การตื่นเต้นและนำเลนส์ไบโอนิคมาใช้เร็วเกินไป อาจพบภาวะแทรกซ้อนที่ทำให้การมองเห็นผิดปรกติ

การประดิษฐ์เซลล์เม็ดเลือดแดงเทียมจะช่วยให้มนุษย์อยู่รอดโดยไม่ใช้ออกซิเจน

การประดิษฐ์เซลล์เม็ดเลือดแดงเทียม ชนิด respirocytes เป็นอุปกรณ์ชนิด nanomedical ในทางทฤษฎีจะสามารถฉีดเข้าไปกระแสเลือดของคนและจะช่วยลดความจำเป็นในการหายใจ เซลล์เม็ดเลือดแดงเหล่านี้สามารถจัดส่งออกซิเจนไปยังเนื้อเยื่อ 236 เท่าเมื่อเทียบกับเซลล์เม็ดเลือดแดงปกติ

นอกจากนี้ เซลล์เหล่านี้ยังสามารถจัดการความเป็นกรดที่เกิดจากก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ดี แต่ละเซลล์เทียมมี nanocomputer เป็นส่วนประกอบที่ควบคุมสารเคมีและความดันขับเคลื่อนโดยน้ำตาลกลูโคส อุปกรณ์ nanodevices พวกนี้มีลักษณะทรงกลมและมีการออกแบบที่เรียบง่าย และสามารถปรับเปลี่ยนจากระยะไกล เมื่อมีการพัฒนาอย่างเต็มที่ ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาอีก 20 ปี เซลล์ช่วยหายใจ (respirocytes) จะช่วยลดความจำเป็นในการหายใจและขยายขีดความสามารถการดำรงอยู่ของบุคคลนั้น ตัวอย่างเช่น ถ้าคนที่ใส่อุปกรณ์นี้เข้าร่างกาย บุคคลนี้สามารถอยู่รอดสี่ชั่วโมงโดยไม่ต้องหายใจหรือวิ่งได้นาน 15 นาทีที่ความเร็วสูงสุดของแต่ละคน

เทคโนโลยีสมัยใหม่สามารถทำให้เราเป็นอมตะไหม?

ความอมตะอาจเกิดจากการใช้ยานาโนเทคโนโลยีชนิดครอบจักรวาลเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นของลัทธินิยมอนาคต (health technology futurists) ภาวะวัยชรา (Aging) เป็นกระบวนการทางชีวภาพทางพันธุกรรม ดังนั้น การหยุดภาวะชราเป็นงานที่ยิ่งใหญ่ บางคนคิดว่าการหยุดภาวะชราจะประสบความสำเร็จภายใน 30 ปีข้างหน้า Ray Kurzweil นักลัทธินิยมอนาคต (futurists) เชื่อมั่นในความสำเร็จของความพยายามหยุดภาวะชราเพื่อสนับสนุนความคิดของการเป็นอมตะ หุ่นยนต์ขนาดนาโนอาจจะมีความเชี่ยวชาญในการตรวจสอบระบบชีวภาพของมนุษย์ อุปกรณ์เหล่านี้จะสามารถตรวจสอบค่าความเบี่ยงเบนที่ผิดปกติและแจ้งให้เราทราบหากมีปัญหาสุขภาพที่ต้องให้ความสนใจ

แง่มุมของความเป็นอมตะก็คือสิ่งที่เรียกว่า "ความเป็นอมตะแบบดิจิตอล" (digital immortality) ความก้าวหน้าในด้านปัญญาประดิษฐ์ (artificial intelligence หรือ AI) อาจช่วยให้มนุษย์บูรณาการความคิดของเขาด้วยอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลภายนอก ในอนาคตเป็นไปได้ที่จะมีการควบคุมหุ่นยนต์จากร่างกายของเราและการสื่อสารผ่านจิต( telepathically) ผ่านสัญญาณไร้สาย หรือเมื่อสุขภาพของเราเป็นปัญหา เราอาจดาวน์โหลดตัวเองลงไปในแคปซูลชีวภาพ (biological vessel) ก่อนที่ร่างกายของเราจะหยุดทำงานความคิดเหล่านี้อาจจะดูเหมือนไกลจากความจริงในขณะนี้แต่ในอนาคตทุกอย่างในธรรมชาตจะมีลักษณะที่สอง

สินค้าที่คุณอาจสนใจ